• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้ทราบ จากการเป็นผู้รับจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by Ailie662, April 05, 2023, 11:09:10 PM

Previous topic - Next topic

Ailie662

1. เพราะเหตุว่าเราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงานอย่ างเดียว

เราไม่ได้ดำเนินงานแล้วแฮปปี้ทุกวัน หลายครั้งที่เรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่หากเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต อาทิเช่น วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ และก็ยังรวมทั้งต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่พวกเราชอบจะก่อให้ร่าเริงแจ่มใสขึ้น รวมทั้ง เพิ่มความมั่นใจและความเชื่อมั่น เนื่องจากว่าการเฟลจากที่ปฏิบัติงานส่วนมากมักทำให้เราเสียกำลังใจ และขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ส่วนตัวเรามันส่งผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน และก็ อีกมากมาย


ยกตัวอย่ าง... มีสหายคนนึงถูกใจตัดเย็บเสื้อผ้ามากมาย เป็นจริงเป็นจังขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ ในช่วงเวลานี้ปฏิบัติงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จนกระทั่งถึงบัดนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากยิ่งกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. รู้ยัง

สำหรับมนุษย์เงินเดือนตัวจ้อยอย่ างเรา สิ่งที่เราเคารพที่สุดในสถานที่ทำงานก็คงจะหนีไม่พ้นเจ้านาย คนที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยนานับประการ อย่ างตัวเราเคยพบทั้งที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานหนัก ไปจนกระทั่งวันๆไม่ทำหน้าที่การงาน รอสั่งคนโน่นครั้งคนนี้ที แต่พอใช้มองดีๆเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แม้กระนั้นคนๆนี้มันจะมาบ่นว่าเกียจคร้านตื่น หรือโดนนายสั่งงานมากมายไม่ได้ยังไง เพราะอะไรน่ะหรอ นอกจากจะโดนหัวหน้าของเค้าเองเหม็นหน้าแล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความนับถือด้วย หนำซ้ำบางทีก็อาจจะหาเรื่องกันเสียระบอบการปกครองทั้งทีม


ถ้าหากให้แนะนำก็อย ากจะกล่าวว่าพย าย ามรู้เรื่องเค้าดีมากยิ่งกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนไม่ดีบ้ า ง นิสัยก็แตกต่างบ้ า งคือเรื่องธรรดา อย่ ามองว่าพวกเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้มองดูในมุมที่ว่าถ้าหากพวกเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานที่แห่งไหนไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปเจอครอบครัว

ไม่ได้อย ากอยู่ดึกดื่นๆให้ผู้ที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็ไม่ได้อย ากทำงาน ก็อย ากไปเที่ยวแบบเดียวกันนั่นแหละ แม้กระนั้นเพียงแค่ออกหน้าขี้บ่นแบบพวกเรามิได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองนึกถึง

แค่เราพรีเซนเทชั่นงานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าจำเป็นต้องเอางานเราไปพรีเซ็นท์กับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องคนไหนกันที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้เยอะ เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นธรรมดา

3. อย่ าเชื่อมั่นในตัวเองเกินความจำเป็นในโลกออนไลน์

ผู้คนจำนวนมากมั่นใจว่าโลกโซเชียลเป็นหลักที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของเรา แม้กระนั้นรู้รึเปล่าว่า HR สมัยนี้นอกจากจะมอง resume พวกเราแล้ว ยังดูเ ฟ ส บุ ค ของเราด้วย สหายพวกเราที่เป็น HR การันตีมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า มองเห็นไหมว่าตัวตนบนโลกออนไลน์

ของเรานั้นมีผลกับพวกเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อพวกเราเป็นมนุษย์เงินเดือนเต็มกำลัง เรื่องเหล่านี้ยิ่งต้องระวัง อย่ างเราคือไม่แตะต้องเฟสบุ้คเลย หรือถ้าเกิดจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าถ้าเกิดหัวหน้ามามองเห็นก็ช่างเถอะ


ถ้าอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆเสนอแนะให้แยกเฟสที่ทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาธารที่พด้วย เพราะ โดยมากคนในที่ทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในที่ทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้าโง่เง่า ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่ๆ...!! เตือนแล้วนะ

4. โฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา พึงพอใจ ใส่ใจ แต่... อย่ าเก็บลู่วิ่งบุคคลอื่นมาอิจฉา

ช่วงปีมานี้ สหายเราผู้คนจำนวนมากเริ่มเรียนต่อ สร้างครอบครัว บางคนเปลี่ยนงานไปงานที่เงินเดือนสูงสุดๆบางบุคคลเริ่มธุรกิจของตนเอง บางทีพวกเราเลื่อนดูหน้าเฟสและจากนั้นก็แอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้ก้าวหน้า แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่ว่าบอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็มิได้ดีกว่าพวกเราหรอกดีไม่ดีเพื่อนผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยบางครั้งอาจจะกำลังอิจฉาชีวิตเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... เป็นตัวเราเองก็ไม่ได้คิดเลยว่าชีวิตพวกเราดี สิ่งที่เราคัดเลือกกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี จงจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของพวกเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ

จุดโฟกัสที่ลู่วิ่งของพวกเรา ทราบดีว่าเรากำลังจะทำอะไร ทราบดีว่าจุดหมายเราอยากอะไร รู้ดีว่าวันนี้เราปฏิบัติดีกว่าเมื่อวานนี้แล้วหรือยัง ก็เพียงพอแล้ว แอบมองลู่วิ่งคนอื่นบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้เราตั้งใจจริงกับชีวิตเยอะขึ้น แม้กระนั้นอย่ าเก็บมาใส่ใจจนเป็นทุกข์เป็นร้อนพอเพียง

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

ประเดี๋ยวก่อน...!! อย่ าพึ่งสะดุ้งไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนมิได้แปลว่า ให้เราไม่ต้องจิรงหัวใจกับคนใดกันแน่ แม้กระนั้น... แสดงว่า " เราไม่ใฝ่ใจข้างใด " อย่ างที่รู้กันว่าในสำนักงานหลายๆที่

มีการเล่นพวก หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าผู้ที่เล่นการเมือง (มากมายๆ) ส่วนมากไม่มีความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแต่ว่าเล่นเค้าไว้เยอะแยะนี่ห้ามพลาดท่าเลยจ้ะ มีคนคอยซ้ำมากมายเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่เป็น... การที่เรามองว่าคนนี้เป็นคนยังไง จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร ไม่ได้บอกว่าให้สตอเบอร์ปรี่ หรือ ฝืนตนเอง แต่ว่า... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความพอใจ

โตมาในสังคมที่ไม่เหมือนกัน การที่พวกเราดูแล้วทราบว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะก่อให้เราดีกว่ามากๆเว้นเสียแต่วางตัวง่ายแล้ว พวกเราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมถึงบางคนที่ดูแล้วผิดจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักสวัสดีตามมารย าท ไม่มีความจำเป็นต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... พวกเราไม่รู้หรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงเราเข้าไปดำเนินการกับคนไหน ดังนั้น อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงไม่ได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แม้กระนั้นในอนาคต บางทีอาจได้โครจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดีกว่าโดนดุตอนอายุ 50

เนื่องจากว่าอายุยังน้อย ความคาดหมายจากคนรอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย ถึงแม้พวกเราจะรู้สึกบีบคั้นสำหรับเพื่อการดำเนินการสุดๆแต่เชื่อเถอะ พวกเราล้มเหลววันนี้ ดีมากกว่าเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนถึง 50-60 ก็ผ่านขณะแบบพวกเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะเสนอแนะเป็น.. ใช้เวลานี้ให้คุ้ม พวกเรามิได้อายุ 20 กว่าๆตลอดไป อย ากทำอะไรทำ อย าถ้อยคำมอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันแย่ก็พรีเซ้นไปเรื่อยๆฝึกไปเรื่อยๆโดนดุด่าในเวลานี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนด่าตอนอายุ 50 มาก ถึงแม้ว่าจะผิดพลาด ด้วยความยังเด็ก รวมทั้ง อ่อนประสบการณ์ คนโดยมากพร้อมจะยกโทษเราเสมอ ดังนั้น ล้มเหลวจำนวนมากเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามแตกต่างกันระหว่าง " เพื่อน " กับ " เพื่อนร่วมงาน " เป็นอย่างไร ที่เค้าบอกว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนฝูงย ากก็น่าจะจริง ยุคประถม การหาสหายใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม แล้วก็การหาเพื่อนฝูงในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันหมายความว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นเท่าไร พวกเราจะหาเพื่อนพ้องย ากขึ้นเพียงแค่นั้น และไม่ต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนแท้จริงใจคนนึงในออฟฟิศมันย ากแค่ไหน


นอกเหนือจากที่จะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน ทั้งตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การวัด เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของคนเราค่าตอบแทนรายเดือนอย่ างเราเป็นไปดำเนินการ มิได้ไปทำกิจกรรมสานสโมสรหาเพื่อนพ้อง ด้วยเหตุนั้นวันๆพวกเราจึงจะเจอเพียงแค่สหายร่วมทีม ซึ่งจำนวนมากและจากนั้นก็เป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานเพียงแค่นั้น

พวกเราโชคดีที่เจอกลุ่มที่ดี คุยได้อีกทั้งเรื่องส่วนตัวแล้วก็เรื่องงาน พูดได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และสหายร่วมงานในครั้งเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจอย่างงี้ เรามีความคิดว่ามันคือผลกำไรชีวิต พย าย ามหาคนกลุ่มนี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหน่อยก็ยังดี ) ไม่จำเป็นต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้พบเจอ

สนทนาแลกเปลี่ยนความเซ็งก็ดีแล้ว ให้เราลองถามตัวเองว่า "ถ้าหากพวกเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้ทานข้าวอยู่ไหม" หากคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณพบเพื่อนจริงๆในสถานที่สำหรับทำงานแล้ว

7. หาคนที่เป็นมากกว่า " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " ให้พบ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ความต่างระหว่าง " สหาย " กับ " สหายร่วมงาน " เป็นอย่างไร ที่เค้ากล่าวว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนย ากก็คงจริง สมัยประถม การหาเพื่อนฝูงใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม รวมทั้งการหาเพื่อนฝูงในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแสดงว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นเยอะแค่ไหน พวกเราจะหาเพื่อนพ้องย ากขึ้นเพียงแค่นั้น

และไม่จำต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนฝูงแท้จริงใจคนนึงในที่ทำงานมันย ากเพียงใด นอกจากจะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน อีกทั้งตำแหน่ง ค่าจ้างรายเดือน การคาดคะเน เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของมนุษย์ค่าจ้างรายเดือนอย่ างพวกเราเป็นไปดำเนินการ มิได้ไปทำกิจกรรมสานสมาคมหาเพื่อนพ้อง ด้วยเหตุผลดังกล่าววันๆพวกเราจึงจะเจอแค่เพื่อนฝูงร่วมทีม ซึ่งโดยมากและก็เป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานเท่านั้น

พวกเราโชคดีที่เจอกลุ่มที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องส่วนตัวและก็เรื่องงาน กล่าวได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน รวมทั้งสหายร่วมงานในคราวเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจแบบนี้ เรารู้สึกว่ามันเป็นกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนกลุ่มนี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดนึงก็ยังดี ) ไม่จำเป็นต้องอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้เผชิญ คุยเปลี่ยนความเซ็งดีแล้ว ให้พวกเราทดลองถามตัวเองว่า "ถ้าหากเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้กินข้าวอยู่ไหม" ถ้าคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณพบสหายจริงๆในสถานที่สำหรับทำงานแล้ว

8. จงเป็น " ลูกจ้างมืออาชีพ "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย ถ้าเกิดอย ากประสบผลสำเร็จ และก็ สุขสบาย ต้องเป็น " ผู้รับจ้างมืออาชีพ " ให้ได้ กล่าวง่ายแต่ทำย ากนะ เพราะว่าผู้รับจ้างมืออาชีพก็คือคนที่ตระหนักได้ว่า " พวกเราถูกว่าจ้างมาด้วยเงินเดือนจำนวนหนึ่ง " นั่นถือได้ว่าบริษัทเค้าปรารถนาอะไรบางอย่ างจากเราแลกกับค่าแรงงานนั้นๆ

เราจะต้องทราบดีว่าบริษัทว่าจ้างพวกเรามาทำอะไร และ ทำมันให้ดียิ่งกว่าที่บริษัทคาดหมายถ้าอยากความรุ่งโรจน์ในหน้าที่ หากงานที่ทำอยู่รู้สึกว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของพวกเรา ก็ไม่สมควรทรหดอดทนทำไป


น่าจะหางานที่พวกเราทำแล้วเราแฮปปี้รวมทั้งทำได้ดีเพื่อดึงสมรรถนะของตนเองออกมาให้สูงที่สุด นอกจากจะทำให้พวกเราเติบโตในหน่วยงานแล้ว ยังมีผลให้พวกเราพัฒนาตัวเองอยู่เสมอเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งพวกเราจะทราบเองว่าควรไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ถูกใจให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าคนอื่นๆ อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกจำนวนกี่ครั้งก็ได้ หากท้ายที่สุดเราพบสายอาชีพที่พวกเรารักรวมทั้งอย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก

แล้วก็ด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " พวกเราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าตอบแทนจำนวนหนึ่ง " อย่ าทำงานมากเกินกว่าค่าตอบแทนจนกระทั่งเกินไป ทุ่มเทได้ แต่ว่าควรมีผลที่ดีตามออกมาด้วย ยกตัวอย่างเช่นได้ปรับเงินเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับพ่อแม่ ญาติๆบ้ า ง หันกลับไปมองด้านหลังบ้ า งว่าคนที่เป็นบันไดให้เรามายืนจุดนี้ ตอนนี้เค้าเป็นยังไงกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าบิดามารดาอายุเพิ่มขึ้นแต่ละวัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าหากเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้แด่คุณแล้วหาเวลาไป มันไม่ทุกข์ยากลำบากหรอก แลกเปลี่ยนกับความสบายของพ่อแม่
ลูกจ้าง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/